Tuesday, January 8, 2013

ประกาศนิติราษฎร์ ฉบับที่ ๔๑

ภารกิจคณะนิติราษฎร์ใน พ.ศ. ๒๕๕๖

วรเจตน์ ภาคีรัตน์

โดยที่มีผู้สอบถามถึงกิจกรรมทางวิชาการของคณะนิติราษฎร์ : นิติศาสตร์เพื่อราษฎร ที่จะดำเนินการต่อไปใน พ.ศ.๒๕๕๖ ตลอดจนสอบถามถึงความคืบหน้าของการรณรงค์แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ และการดำเนินการตามแนวทางการตรากฎหมายเพื่อขจัดความขัดแย้งที่เกิดขึ้นใน สังคมอย่างเป็นธรรมต่อทุกฝ่ายภายหลังจากการแย่งชิงอำนาจรัฐเมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ ตามที่ได้เคยประกาศไว้ในประกาศนิติราษฎร์ฉบับที่ ๓๔ (๒๕ เมษายน ๒๕๕๕) ในโอกาสขึ้นปีใหม่พุทธศักราช ๒๕๕๖ นี้ คณะนิติราษฎร์ขอชี้แจงถึงภารกิจและกิจกรรมที่จะดำเนินการต่อไป ดังนี้

๑. การรณรงค์และรวบรวมรายชื่อประชาชนเพื่อเสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ ตามข้อเสนอของคณะนิติราษฎร์ โดยคณะรณรงค์แก้ไขมาตรา ๑๑๒ (ครก.๑๑๒) นั้น ได้ผ่านพ้นจากขั้นตอนการรณรงค์รวบรมรายชื่อประชาชนไปสู่การเสนอร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวไปยังประธานรัฐสภาแล้ว เมื่อกลางปี ๒๕๕๕ ต่อมาในราวเดือนตุลาคม ๒๕๕๕ ประธานรัฐสภา (นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์) ได้ปฏิเสธไม่บรรจุร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวเข้าสู่วาระการประชุม โดยอ้างว่าร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ ไม่เป็นร่างพระราชบัญญัติตามที่กำหนดในหมวด ๓ (สิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทย) และหมวด ๕ (แนวนโยบายแห่งรัฐ) ของรัฐธรรมนูญ ทั้งๆที่กรณีเป็นที่ประจักษ์ชัดว่าประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๒๒ ซึ่งกำหนดโทษในทางอาญานั้น เป็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเสรีภาพในร่างกายและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของบุคคลซึ่งเป็นเสรีภาพที่รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญ การปฏิเสธไม่บรรจุร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวเข้าสู่วาระการประชุม จึงเป็นการปฏิเสธที่ไม่ชอบด้วยเหตุผล หลังจากทราบการปฏิเสธแล้ว ครก.๑๑๒ (ซึ่งประกอบไปด้วยบุคคลหลายฝ่ายรวมทั้งคณะนิติราษฎร์) ได้พยายามประสานเพื่อเสนอความเห็นให้ประธานรัฐสภาทบทวนการวินิจฉัย แต่ไม่ได้รับความร่วมมือเท่าที่ควรจากบุคคลที่เกี่ยวข้อง ดังนั้นในเดือนมกราคม ๒๕๕๖ นี้ ครก.๑๑๒ จะได้โต้แย้งคำสั่งของประธานรัฐสภา (นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์) เป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อให้มีการทบทวนคำสั่งดังกล่าว หลังจากนั้นจะดำเนินการตามช่องทางในทางกฎหมายต่อไปจนสุดหนทาง

ในระหว่างนี้ หากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่ายี่สิบคนหรือคณะรัฐมนตรีเห็นความสำคัญของปัญหาดังกล่าว อันเป็นปัญหาที่นานาชาติตลอดจนองค์การระหว่างประเทศให้ความสนใจ และประสงค์จะปฏิรูปประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ ให้ได้ในระดับที่นานาอารยประเทศพอที่จะยอมรับนับถือได้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือคณะรัฐมนตรีอาจพิจารณาเสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ ตามข้อเสนอของคณะนิติราษฎร์หรือข้อเสนอของคณะกรรมการบางคณะที่รัฐบาลได้ตั้งขึ้น (เช่น คอป.) เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาตามวิถีทางประชาธิปไตยก็ได้ การดำเนินการในลักษณะดังกล่าวจะเป็นการช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากการมีคำสั่งของ ประธานรัฐสภา (นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์) ที่ไม่บรรจุร่างกฎหมายที่ประชาชนร่วมกันเข้าชื่อโดยถูกต้องทุกประการตามหลักเกณฑ์ของกฎหมายเข้าสู่วาระการประชุมของรัฐสภาได้อีกทางหนึ่ง

ในส่วนของประชาชนที่ร่วมลงชื่อ ตลอดจนเครือข่ายกลุ่มกิจกรรมต่างๆที่เห็นว่าประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒ มีปัญหาทั้งในแง่อุดมการณ์เบื้องหลังตัวบท ปัญหาในระดับตัวบท และปัญหาในการบังคับใช้ หากจะจัดกิจกรรมในรูปแบบต่างๆต่อไป เท่าที่มีกำลังจะทำได้ เพื่อขยายแนวความคิดให้แพร่ไปในหมู่ประชาชนในวงกว้าง ให้เข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างถูกต้อง พ้นจากการบิดเบือนให้ร้ายของสื่อมวลชน องค์กรและกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองที่แสวงหาประโยชน์จากการดำรงอยู่ของบทบัญญัติมาตรานี้ทั้งโดยตรงและโดยอ้อม ก็จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการแก้ไขบทบัญญัติมาตรานี้ในอนาคต

๒. สำหรับการดำเนินการตามแนวทางการตรากฎหมายเพื่อนิรโทษกรรมและการขจัดความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสังคมอย่างเป็นธรรมต่อทุกฝ่ายภายหลังจากการแย่งชิงอำนาจรัฐเมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ นั้น ขณะนี้คณะนิติราษฎร์ได้ยกร่างรัฐธรรมนูญหมวดว่าด้วยนิรโทษกรรมและการขจัดความขัดแย้ง เสร็จสิ้นแล้ว และได้ประกาศเผยแพร่ต่อสาธารณชนพร้อมกับประกาศนิติราษฎร์ฉบับนี้ เนื้อหาสาระหลักของร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าวเป็นไปตามประกาศนิติราษฎร์ฉบับที่ ๓๔ ทั้งนี้โดยคณะนิติราษฎร์ได้กำหนดรายละเอียดของเนื้อหาบางประการเพิ่มเติม อนึ่ง กฎหมายนิรโทษกรรมและการขจัดความขัดแย้งตามข้อเสนอของคณะนิติราษฎร์ คณะนิติราษฎร์เลือกที่จะเสนอในรูปของร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ไม่ใช่ร่างพระราชบัญญัติ เพื่อป้องกันปัญหากรณีร่างพระราชบัญญัติขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ โดยในร่างรัฐธรรมนูญที่เสนอนี้ไม่มีการนิรโทษกรรมให้แก่บรรดาเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์การชุมนุมประท้วงตลอดจนการสลายการชุมนุมทุกเหตุการณ์ตั้งแต่วันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ เป็นต้นมา ให้มีการนิรโทษกรรมแก่ผู้เข้าร่วมการประท้วงและชุมนุมทางการเมืองตามเงื่อนไขที่รัฐธรรมนูญกำหนด ทั้งนี้เท่าที่ไม่ขัดกับพันธกรณีระหว่างประเทศ ให้มีคณะกรรมการขจัดความขัดแย้งจำนวน ๕ คน ซึ่งประธานรัฐสภาแต่งตั้งจากบุคคลที่ได้รับเลือกจากองค์กรต่างๆตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ โดยกำหนดให้คำวินิจฉัยของคณะกรรมการขจัดความขัดแย้งมีผลผูกพันองค์กรของรัฐทุกองค์กร และไม่อาจเป็นวัตถุแห่งการพิจารณาขององค์กรตุลาการหรือองค์กรอื่นใด นอกจากนี้คณะนิติราษฎร์ยังกำหนดให้รัฐสภาเป็นผู้ทรงไว้ซึ่งสิทธิเด็ดขาดในการตีความบทบัญญัติในหมวดว่าด้วยนิรโทษกรรมและการขจัดความขัดแย้งด้วย

ร่างรัฐธรรมนูญหมวดว่าด้วยนิรโทษกรรมและการขจัดความขัดแย้งตามข้อเสนอของคณะนิติราษฎร์นี้ เมื่อได้เผยแพร่ต่อสาธารณะแล้ว ย่อมถือเป็นสมบัติของสาธารณะที่อาจจะได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ เสนอแนะตลอดจนปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น คณะนิติราษฎร์ไม่สงวนสิทธิที่กลุ่มบุคคลหรือคณะบุคคลใดจะนำร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าวไปรณรงค์เคลื่อนไหวตลอดจนผลักดันให้เกิดผลเป็นตัวบทกฎหมายที่มีผลใช้บังคับได้จริงในบ้านเมือง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายต่อไป

๓. ในส่วนของกิจกรรมทางวิชาการของคณะนิติราษฎร์นั้น แม้ว่าคณะนิติราษฎร์ซึ่งประกอบไปด้วยอาจารย์ประจำของคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จำนวน ๗ คน จะไม่เคยได้รับค่าตอบแทนจากบุคคลใดในการดำเนินกิจกรรมตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา และทั้งๆที่คณะนิติราษฎร์หวังเพียงการแสดงออกซึ่งความรู้ในทางวิชาการที่ได้ร่ำเรียนมาเสนอประเด็นต่างๆเข้าสู่พื้นที่สาธารณะอย่างเปิดเผย และตรงไปตรงมา (นอกเหนือไปจากงานวิชาการประจำไม่ว่าจะเป็นการสอน การวิจัย การผลิตตำราตลอดจนบทความ) แต่นับแต่กลางปี พ.ศ.๒๕๕๕ เป็นต้นมา คณะนิติราษฎร์ประสบกับอุปสรรคในการขอใช้สถานที่ของคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตลอดจนคณะบางคณะในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มากขึ้นเป็นลำดับ จนไม่อาจจัดกิจกรรมทางวิชาการตามที่ได้ตั้งใจไว้อย่างต่อเนื่องได้ อย่างไรก็ตาม ใน พ.ศ. ๒๕๕๖ นี้ คณะนิติราษฎร์ยังคงตั้งใจจะจัดกิจกรรมทางวิชาการต่อไปเท่าที่กำลังและเหตุปัจจัยต่างๆจะอำนวย โดยจะพยายามฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆไปให้ได้ กิจกรรมหลักที่คณะนิติราษฎร์จะดำเนินการต่อไปนั้น ก็คือ การศึกษาและยกร่างรัฐธรรมนูญต้นแบบที่มีการจัดดุลอำนาจของสถาบันการเมืองและองค์กรทางรัฐธรรมนูญโดยถูกต้องตามหลักประชาธิปไตยและหลักนิติรัฐ การประกันสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน ตลอดจนการลบล้างผลพวงรัฐประหาร นอกจากนี้คณะนิติราษฎร์จะพยายามจัดทำเอกสารทางวิชาการเกี่ยวกับการบังคับใช้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ ตลอดจนการวิเคราะห์คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญทั้งคำวินิจฉัยกลางและคำวินิจฉัยส่วนตนเกี่ยวกับการวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ ออกเผยแพร่ต่อสาธารณะ และหากมีความจำเป็นที่จะต้องแสดงทัศนะทางวิชาการต่อการบังคับใช้กฎหมายขององค์กรของรัฐในสถานการณ์ต่างๆ คณะนิติราษฎร์ก็จะพยายามหาช่องทางในการสื่อสารต่อสาธารณะต่อไป

คณะนิติราษฎร์ขอเรียนให้สาธารณชนทราบว่า จนถึงขณะนี้คณะนิติราษฎร์ยังไม่ประสงค์จะรับการบริจาคหรือการสนับสนุนทางทุนทรัพย์จากบุคคลใด เนื่องจากการดำเนินกิจกรรมทางวิชาการเท่าที่ผ่านมาเป็นกิจกรรมเล็กๆที่ยังอยู่ในกำลังซึ่งสมาชิกคณะนิติราษฎร์จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่างๆเองได้ ขอให้ประชาชนทั้งหลายอย่าได้หลงเชื่อการแอบอ้างชื่อคณะนิติราษฎร์เพื่อขอรับเงินบริจาคสนับสนุนการทำกิจกรรมของคณะนิติราษฎร์ คณะนิติราษฎร์มุ่งหวังให้การดำเนินกิจกรรมทางวิชาการที่กระทำนั้น เป็นไปอย่างบริสุทธิ์ ท้าทายต่อการบิดเบือนให้ร้ายจากสื่อมวลชน กลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองตลอดจนนักวิชาการบางส่วนที่มีจิตเป็นอกุศล หากเมื่อใดคณะนิติราษฎร์พิจารณาเห็นว่ามีความจำเป็นที่จะต้องขอความช่วยเหลือทางการเงินจากสาธารณะ คณะนิติราษฎร์จะประกาศให้ทราบอย่างเปิดเผย และจะดำเนินการทุกอย่างให้เป็นไปอย่างโปร่งใส ความมุ่งหมายของคณะนิติราษฎร์ในการดำเนินกิจกรรมทางวิชาการซึ่งในบางเรื่องมีอิทธิพลส่งผลกระทบในทางการเมืองอยู่บ้างนั้น ก็เพื่อทำให้วิชานิติศาสตร์อันเป็นวิชาที่สมาชิกคณะนิติราษฎร์ร่ำเรียนมาเป็น “นิติศาสตร์เพื่อราษฎร” และด้วยความหวังที่ว่าคณะนิติราษฎร์จะเป็นฟันเฟืองเล็กๆตัวหนึ่งในการผลักดันให้ประเทศของเราเป็นประเทศที่เป็นประชาธิปไตยและเป็นนิติรัฐอย่างแท้จริง

๗ มกราคม ๒๕๕๖

ที่มา นิติราษฎร์

No comments:

Post a Comment