Friday, May 11, 2012

ครก.112 ไว้อาลัย "อากง"

ขอไว้อาลัยต่อการจากไปของนายอำพล หรืออากง เหยื่อมาตรา 112

คณะกรรมการรณรงค์แก้ไขมาตรา 112
10 พฤษภาคม 2555


การเสียชีวิตของนายอำพล (ไม่เปิดเผยนามสกุล) หรืออากง ในทัณฑสถานอย่างฉับพลันเมื่อวันที่ 8 พ.ค. ที่ผ่านมา ได้สร้างความเศร้าสลดให้แก่ครอบครัวของนายอำพลอย่างยิ่ง พวกเขาไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้ร่ำลาก่อนที่นายอำพลจะจากโลกนี้ไป คณะรณรงค์แก้ไขมาตรา 112 (ครก.112) จึงขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของนายอำพล ที่ต้องเผชิญกับโศกนาฏกรรมอันเจ็บปวดครั้งนี้ เป็นโศกนาฏกรรมที่พวกเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะเรียกร้องหาความยุติธรรมได้จากใคร


เป็นที่ทราบกันทั่วไปว่า นายอำพลยืนยันตลอดมาว่าตนมีความจงรักภักดีต่อสถาบันกษัตริย์ เคยพาหลานๆ ไป รพ. ศิริราช เพื่อร่วมถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แม้จะเคยไปร่วมชุมนุมกับทั้งคนเสื้อเหลืองและเสื้อแดง แต่นายอำพลก็ไม่ได้เป็นคนเสื้อแดง ภาระหน้าที่หลักของชายชราคนนี้คือ ดูแลหลาน 7 คน แต่เมื่อตกเป็นเหยื่อของกฎหมายอาญามาตรา 112 จึงทำให้เขากลายมาเป็น "นักโทษการเมือง" ในทันที ซึ่งนี่เป็นจุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรมของนายอำพลและครอบครัว กล่าวคือ

• คำตัดสินจำคุกนายอำพลถึง 20 ปีเพราะส่ง sms 4 ครั้ง แม้ว่าจะมี "ข้อกังขามากมาย" ต่อหลักฐานของฝ่ายอัยการก็ตาม ชี้ว่าสังคมไทยในปัจจุบัน นักโทษการเมืองคดี 112 คือผู้ที่ต้องถูกลงโทษอย่างรุนแรงที่สุด และเป็นการลงโทษที่ไม่ต้องคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน หลักมนุษยธรรม หรือเมตตาธรรมใดๆ ทั้งสิ้น

• ด้วยเหตุอันเดียวกันนี้ "นักโทษการเมืองคดี 112" จึงมักถูกปฏิเสธสิทธิการประกันตน อันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของพลเมืองทุกคน แม้ว่านายอำพลจะมีอายุมาก สุขภาพทรุดโทรม เคยป่วยเป็นมะเร็งในช่องปาก ไม่เคยทำร้ายใคร ยากจน การศึกษาน้อย ไม่มีญาติพี่น้องในต่างประเทศ ศาลก็ปฏิเสธไม่ให้ประกันตนถึง 8 ครั้ง ด้วยข้ออ้างว่าเป็นคดีร้ายแรง กลัวจะหลบหนี

สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับนักโทษการเมืองคดี 112 คนอื่นๆ เช่นกัน มันจึงชี้ว่านักโทษการเมืองคดี 112 ได้ถูกละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานมากเสียยิ่งกว่านักโทษคดีอาญาทั่วไป

เหตุผลที่นักโทษการเมืองคดี 112 มักถูกลงโทษอย่างรุนแรงนั้น ปรากฏชัดเจนในบทความ "อากงปลงไม่ตก′เปิดคำเฉลย!ที่มาแห่งคดีโดยโฆษกศาล" ของนายสิทธิศักดิ์ วนะชกิจ โฆษกศาลยุติธรรม (14 ธ.ค. 2554) ที่ว่า "สำหรับบุคคลที่เจนโลก โชกโชน สันดานเป็นโจรผู้ร้าย มีเจตนาทำร้ายสังคมสถาบันหลักของประเทศชาติและองค์พระประมุข อันเป็นที่เคารพสักการะของคนในชาติให้เกิดความหลงผิดก่อให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวง ผู้เขียนเชื่อว่า ไม่มีใครอยากให้คนเช่นนี้ลอยนวลอยู่ในสังคมเพื่อสร้างความเสียหายต่อเนื่อง หรือแก่ผู้อื่นอีก เพราะสักวันคนใกล้ตัวของคนเหล่านี้อาจตกเป็นเหยื่อด้วยก็ได้ มาตรการที่เหมาะสมจึงควรตัดโอกาสในการกระทำผิด ลงโทษให้หลาบจำสาสมไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่ผู้อื่น"

คงไม่ผิดนักที่จะชี้ว่า ทัศนคติดังกล่าวได้ครอบงำกระบวนการยุติธรรม หน่วยงานรัฐ นักการเมือง สื่อมวลชนและวัฒนธรรมการเมืองไทยกระแสหลัก ทัศนคติและการปฏิบัติข้างต้นจึงนำไปสู่ความตายของนายอำพลในที่สุด

เฉพาะส่วนที่นายสิทธิศักดิ์กล่าวว่า "ไม่มีใครอยากให้คนเช่นนี้ลอยนวลอยู่ในสังคมเพื่อสร้างความเสียหายต่อเนื่อง หรือแก่ผู้อื่นอีก เพราะสักวันคนใกล้ตัวของคนเหล่านี้อาจตกเป็นเหยื่อด้วยก็ได้" เป็นคำกล่าวที่ไร้สาระ คำว่า "อาจตกเป็นเหยื่อ" คืออะไร? หมายถึงอาจถูก "ดูหมิ่น หมิ่นประมาท" หรือ? หากเป็นเช่นนั้นก็ไม่ได้เป็นเรื่องน่ากลัวร้ายแรงแต่อย่างใด เพราะเป็นเรื่องปรกติของการอยู่ร่วมกันในสังคมซึ่งสามารถดำเนินการตามกฎหมายปรกติ ประชาชนชาวไทยอยู่กันมาได้โดยไม่ต้องมีกฎหมายรุนแรงเกี่ยวกับการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น อาฆาตมาดร้าย เพราะไม่ใช่ภัยร้ายแรงแต่อย่างใด แม้แต่คำกล่าวของโฆษกศาลฯ ที่ยกมานี้ ก็ถือได้ว่าเป็นข้อความหมิ่นประมาทนายอำพลโดยแท้ ถ้าโฆษกศาลฯ ยังสามารถแสดงพฤติกรรมหมิ่นประมาทผู้อื่นได้โดยไม่มีความผิด การไม่ยอมปล่อยตัวนายอำพลชั่วคราวซึ่งเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญยิ่งไม่มีข้อแก้ตัวในทางสังคม

ในทางตรงกันข้าม เราควรเปลี่ยนคำบางคำของโฆษกศาลเสียใหม่ว่า "ไม่มีใครอยากให้กฎหมายอยุติธรรมนี้ลอยนวลอยู่ในสังคมเพื่อสร้างความเสียหายต่อเนื่อง หรือแก่ผู้อื่นอีก เพราะสักวันคนใกล้ตัวของคนเหล่านี้ อาจตกเป็นเหยื่อด้วยก็ได้"

เราไม่ได้คาดหวังว่าผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโศกนาฏกรรมของครอบครัวนายอำพลทั้งโดยทางตรงและทางอ้อม จะสำนึกผิดในกรรมที่ตนได้กระทำไว้ แต่เราหวังว่าประชาชนที่ได้ติดตามคดีของนายอำพลอย่างต่อเนื่อง และตระหนักถึงปัญหาของมาตรา 112 จะช่วยกันทำให้กฎหมายที่ อยุติธรรมนี้ยุติการทำร้ายประชาชนเสียที แม้ว่าจะต้องใช้เวลานานก็ตาม

............................

อนึ่ง การเสียชีวิตของนายอำพล ทำให้ผู้สื่อข่าวจำนวนมากได้สอบถามเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของ ครก.112 เราจึงเห็นควรแถลงข่าวก่อนเวลาที่กำหนดไว้ดังนี้

1. การรณรงค์เพื่อรวบรวมรายชื่อประชาชนเพื่อเสนอ "ร่างแก้ไขประมวลอาญามาตรา 112 ของคณะนิติราษฎร์" ได้ครบกำหนด 112 วัน เมื่อวันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมา ในขณะนี้ ทางครก.112 ได้รับรายชื่อมากกว่าหนึ่งหมื่นแล้ว อันเป็นจำนวนขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนด เราจะแจ้งจำนวนที่แน่ชัดอีกครั้งในวันที่ 27 พ.ค.นี้ เนื่องจากยังมีเอกสารจำนวนมากที่ยังไม่ได้ตรวจนับ และประชาชนยังทยอยส่งรายชื่อเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ

2. ครก.112 กำหนดให้มีการจัดงาน "บันทึก 112 วัน แก้ไข ม.112" ในวันอาทิตย์ที่ 27 พ.ค.นี้ เพื่อสรุปและปิดการรณรงค์การรวบรายชื่อเพื่อแก้ไขมาตรา 112 ดังรายละเอียดที่ด้านล่างนี้

งาน "บันทึก 112 วัน แก้ไข ม.112"

วันที่ 27 พ.ค. 55 ณ หอประชุมศรีบูรพา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทน์
13.00-13.15 น. "ครก. แถลง" โดย
-วาด รวี กลุ่มแสงสำนึก
- ยุกติ มุกดาวิจิตร คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ม.ธรรมศาสตร์
13.15-13.45 น. "เสียงจากเหยื่อ 112"
13.45-14.00 น. บทกวี โดย ไม้หนึ่ง ก. กุนที, กฤช เหลือลมัย, คาล รีอัล
14.00-15.00 น. เล่าประสบการณ์ "อ้อมกอดและกำปั้น 112 วัน ของการรณรงค์"
- วาด รวี กลุ่มแสงสำนึก
- สุดา รังกุพันธุ์ อักษรศาสตร์ จุฬาฯ
- ปิยะบุตร แสงกนกกุล คณะนิติราษฎร์
- เวียงรัฐ เนติโพธิ์ รัฐศาสตร์ จุฬาฯ ดำเนินรายการ
15.00-15.15 น. แสดงดนตรีโดย วง the Middle Finger
15.15-17.00 น. เสวนา "ปรากฏการณ์ 112 ริกเตอร์"
- ชาญวิทย์ เกษตรศิริ นักวิชาการอิสระ
- นิธิ เอียวศรีวงศ์ นักวิชาการอิสระ
- วรเจตน์ ภาคีรัตน์ คณะนิติราษฎร์
- พวงทอง ภวัครพันธุ์ ดำเนินรายการ
พิธีกรตลอดรายการ วันรัก สุวรรณวัฒนา คณะศิลปศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์

ที่มา มติชน

No comments:

Post a Comment