สมศักดิ์ เจียมฯ:ปริศนา2ข้อเกี่ยวกับกปปส.
หลายวันก่อน ผมเคยเปรยๆว่า มี puzzles หรือ ปริศนา 2 เรื่อง เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของ กปปส ที่ผมยังงงๆ อธิบายไม่ได้ นี่คือ puzzles ที่ว่า
ปริศนาแรก อาจจะไม่สำคัญเท่าไร แต่ผมสนใจในฐานะคนศึกษาประวัติศาสตร์ เป็นเหมือนองค์ประกอบ หรือรายละเอียดที่อยากเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นให้ละเอียดขึ้น
คือ เรื่องตัวคุณ Suthep Thaugsuban (สุเทพ เทือกสุบรรณ)
คุณสุเทพนั้น ก่อนวิกฤตครั้งนี้ เป็นนักการเมืองที่ฝรั่งเรียกกัน...ว่า deal maker คือ "คนทำดีล" ซึงเป็นลักษณะของนักการเมืองที่เป็นเลขาฯพรรคหลายคน (อีกคนที่ทำให้นึกถึงคล้ายๆกัน คือคุณสนั่น ขจรประศาสน์) คนพวกนี้ จะมีลักษณะเป็นพวกคน "ดีล" หรือเจรจากับพวกโน้นพวกนี้ ทั้งในพรรคตัวเอง และนอกพรรค ซึงจะต้องเป็นคนที่ "ยืดหยุ่น" ไ่ม่ยึดติดในเชิงอุดมการณ์หรือความเชื่ออะไรเท่าไร (ฝ่ายเพื่อไทย จะมีคนอย่าง วัฒนา เมืองสุข เป็นต้น) ช่วงทีเกิดวิกฤตยาว 8 ปีที่ผ่านมา สุเทพ เป็นคนทีเคยพยายามเจรจาลับๆกับทักษิณด้วยซ้ำ ตอนปี 53 ใน ปชป เอง ตอนแรก สุเทพ ก็ไมใช่พวกฮาร์ดคอร์ แบบ ชวน หรือบัญญัติ คือยังพยายามหาทางลงด้วยการเจรจา ฯลฯ ... สิ่งทีนับเป็นปริศนาคือ เหตุใด ในวิกฤติ กปปส ครั้งนี้ คุณสุเทพ จึงเหมือนกับเปลี่ยนเป็นคนละคน กลายเป็นพวก intransigent คือ ไม่ยอมยืดหยุ่น ไม่ยอมเจรจา? จะเอาแบบ "สุดๆ" ให้ได้? อันนี้ ผมรู้สึกเป็น puzzle หรืออะไรทีแปลกอยู่
ปริศนาข้อสอง อันนี้ สำคัญ
ทีผมไม่เก็ตมาตลอดคือ ทำไม คุณสุเทพ และ กปปส รวมถึงบรรดาทีปรึกษา ทีเป็นนักวิชาการหลายคน (แม้แต่คนทีผมนึกถึงในปริบทนี้เป็นพิเศษคือ ธีรยุทธ) และพวกทีสนับสนุนเบื้องหลังทั้งหลาย จึงคิดว่า ถ้าล้มยิ่งลักษณ์สำเร็จแล้ว จะจัดการกับม็อบเสื้อแดง ที่จะต้องมีการมาตอบโต้ได้? ถ้าล้มยิ่งลักษณ์ได้ จะจัดการกับเรื่องอย่างราชประสงค์ หรือยิ่งกว่านั้นได้อย่างไร? คิดว่า จะใช้กำลังทหารปราบใหญ่อีก? คราวนี้ อาจจะไม่เพียงเซ็นทรัลเวิร์ลทีโดนเผา เป็นไปได้ว่า จะมีอื่นๆอีก และต่อให้ใช้ทหารปราบเสร็จ ก็จบแบบราชประสงค์ (เมื่อคืน ณัฐวุฒิ ก็ประกาศทำนองนี้ทีอยุธยา แต่เรื่องนี้ ผมคิดมานานแล้ว ใครทีติดตามการเมืองก็คงคิดได้ว่า ถ้ามีเรื่องอีก คราวนี้ จะไม่จบแบบราชประสงค์แน่ จะขยายตัวยืดเยื้อกว่าแน่) ในปลายปี 2553-2554 มีการประชุมพบปะเจรจาตกลงกันลับๆ ระหว่าง ฝ่ายทักษิณ-ทหาร-"วัง" แล้วในทีสุด สองฝ่ายหลัง ยอมให้มีการปล่อยตัวแกนนำ (ที่ขอประกันหลายครั้ง ศาลไม่ยอมให้ แต่จู่ๆ หลังการเจรจา ศาล "ได้ข้อมูลใหม่" ยอมให้มีประกัน) ก็เพราะฝ่ายเสื้อแดง-ทักษิณ ขู่ว่า ถ้าไม่ยอม จะมีการเคลื่อนไหวใหญ่แบบยึดราชประสงค์อีก .. หลังการตกลง ฝ่ายทักษิณ-เสื้อแดง ยอมเปลี่ยน "เข้าสู่โหมดเลือกตั้ง" และยอมควบคุม ไม่แตะประเด็นสถาบันฯ ("ดีล" นี้ เกือบพัง เมื่อมีกรณีปราศรัยจตุพร เรื่อง "กระสุน...")
ประเด็นคือ ในปี 2553-54 หรือแม้แต่ที่ผ่านๆมา ฝ่ายตรงข้ามทักษิณตระหนักดีว่า ถ้าล้มยิ่งลักษณ์ไปเลย โอกาสจะเกิดการตอบโต้ที่แรงกว่า ราชประสงค์ 53 มีสูง (จำครั้งที่ศาล รธน. ลงมติคว่ำการแก้ รธน. ทั้งฉบับของรัฐบาล แต่ไม่ถึงกับปลดยิ่งลักษณ์ได้หรือไม่ หรือแม้แต่ครั้งไม่นานมานี้ ทีศาล รธน. บอกว่า การแก้เรือง สว. เป็นการล้มการปกครอง แต่สุดท้าย ก็หยุดอยู่แค่เบรค ไม่ถึงลงมติล้มรัฐบาล .. ทั้งหมดนี้ สะท้อนให้เห็นว่า พวกเขาตระหนักถึง ความเป็นไปได้ทีจะมีการตอบโต้ใหญ่จากเสื้อแดง)
แล้วถ้ามีการล้มยิ่งลักษณ์ และการตอบโต้ทียิ่งกว่า ราชประสงค์ 53 และต้องใช้ทหารปราบปรามอีก ต่อให้ปราบได้ "สงบ" ผลเสียทีตามมา จะมีแก่ฝ่ายทีมีอำนาจเอง ทีสำคัญทีสุด หลีกเลี่ยงผลกระทบด้านลบต่อสถาบันกษัตริย์ ไม่มีทางได้ - ถ้าในปี 51 และ 53 มีผลกระทบระดับนั้น ทำไมจึงคิดว่า ถ้าล้มยิ่งลักษณ์ และมีการตอบโต้ พวกเขาจะสามารถจัดการได้ และห้ามไม่ให้มีผลกระทบรุนแรงด้านลบต่อสถาบันฯ ทียิ่งกว่าปี 51 และ 53 ได้?
นี่เป็น "ปริศนา" ทีผมไม่เก็ตจริงๆ
หลายวันก่อน ผมเจอเพื่อนนักวิชาการรุ่นอาวุโสกว่าผมท่านหนึง ผมก็เปรยเรืองนี้ให้ฟัง เขาเสนอทำนองว่า เขาคิดว่า ฝ่ายทีจะล้มยิ่งลักษณ์ตอนนี้ "ประเมินเสื้อแดงต่ำ" หรือ "ไม่เห็นอยู่ในสายตา" จึงไม่คิดถึงว่า ถ้าล้มยิ่งลักษณ์ได้แล้วจะมีการตอบโต้แบบทีผมว่า
ผมก็แย้งว่า เป็นไปได้หรือ? คือ มองกันแบบ "ภววิสัย" แบบ realistic หรือเป็นจริงเลยนะ ไม่เกี่ยวกับว่า สนับสนุนหรือคัดค้านฝ่ายไหน .. ใครๆทีตามการเมืองต้องรู้ว่า ถ้าล้มยิ่งลักษณ์ จะมีการตอบโต้รุนแรง อย่างน้อยๆเหมือนปี 53 และต้องรู้แน่ๆว่า ถ้ามีแบบนั้นอีก จะต้องมีผลกระทบด้านลบไปถึงสถาบันฯแน่นอน ทำไม คนทีหนุน กปปส อยู่จึงคิดถึงเรื่องนี้ไม่ได้?
(ผมยังเปรยๆว่า ถ้าเพื่อนท่านนี้เจอธีรยุทธ ลองช่วยเรียบเคียงถามให้หน่อยว่าคิดยังไง ทีไปหนุน กปปส แบบสุดๆแบบนั้น? ไม่คิดหรือว่า ถ้า กปปส ชนะ จะเกิด "สงครามกลางเมือง" เกิดการปะทะใหญ่ยิ่งกว่า 53 และทีสำคัญ จะเกิดผลสะเทือนไปทีสถาบันฯ ชนิดยิ่งกว่าปี 53 อย่างเทียบไม่ได้?)
ประเด็นทีสอง ทีเป็นปริศนานี้ บางที ผมหาคำอธิบายไม่ได้ ก็คิดแบบง่ายๆ (อย่างทีเคยเขียนไป) แหละว่า "สงสัยนี่เป็น human folly หรือความเขลา ของมนุษย์ละมัง คือ คิดเฉพาะหน้าว่า จะเอาชนะๆ ไว้ก่อน ส่วนถ้าชนะ มีอะไรตามมา ก็คิดแบบเข้าข้างตัวเองไว้ก่อน จัดการได้ๆ .. แต่สุดท้าย ก็เหมือน human folly ที่ผานๆมา ในอดีต คือ กว่าจะรู้ตัวว่า ประเมินผิด ก็สายไป แก้ไม่ทันแล้ว .....
ที่มา facebook สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล
No comments:
Post a Comment